Location : วิภาวดี 60 หลักสี่ กรุงเทพฯ
Owner : กฤษณ์ สินธวานนท์ และภัทร์วลัย ชาญเชี่ยว
Designer : WARchitect
Photographer : จิณณวัตร บริหารกิจอนันต์
ช่วงเวลาแสนเหนื่อยล้าจากสภาวะการทำงาน จะมีที่ไหนที่ช่วยเติมพลังได้ดีเท่ากับบ้าน? การออกแบบบ้านจึงมักมาพร้อมโจทย์ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกได้ถึงความเป็นตัวเอง ความสะดวกสบาย และได้พักผ่อนอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับ V60 บ้านของสองนักบินผู้ใช้เวลาส่วนมากภายในห้องโดยสารอันคับแคบ การออกแบบชีวิตพักผ่อนตัดความรู้สึกออกจากอาชีพการงานจึงเริ่มต้นขึ้น ณ บ้านหลังนี้ โดยได้คุณวิน-ธาวิน หาญบุญเศรษฐ และทีมสถาปนิกจาก WARchitect มาเป็นผู้ออกแบบด้วยความตั้งใจให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสความเป็นธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดมากที่สุด
คุณวิน-ธาวิน หาญบุญเศรษฐ สถาปนิกจาก WARchitect
เนื่องจากสองสามี-ภรรยา เจ้าของบ้าน ต่างก็เป็นนักบิน ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องนั่งทำงานภายในห้องปรับอากาศขนาดเล็กครั้งละหลายชั่วโมง และไม่มีโอกาสในการขยับร่างกายหรือสัมผัสอากาศธรรมชาติได้มากนัก ประกอบกับตารางบินที่ไม่ตรงกันของทั้งคู่ ทีมสถาปนิกจึงตั้งโจทย์ในการออกแบบภาพรวมของบ้าน เปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมถึงออกแบบพื้นที่เอื้อให้เกิดการมองเห็นซึ่งกันและกันได้ทั้งหมด เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นภายในครอบครัวมากขึ้น
สถาปัตยกรรมที่เปิดโอกาสให้ธรรมชาติได้แทรกตัว
จากทำเลที่ตั้งของบ้านซึ่งอยู่ในซอยลึก ห่างไกลจากถนนใหญ่ และเป็นที่ดินกงสี ซึ่งอยู่ภายในรั้วร่วมกับที่ดินของเครือญาติอีกหลายแปลง ทำให้บรรยากาศโดยรวมของบ้านค่อนข้างสงบ มลพิษน้อยและโอบล้อมไปด้วยความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกโดยรอบ หากมองในเรื่องขนาดของแปลงที่ดิน 200 ตร.วา ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอยที่เจ้าของบ้านต้องการ สถาปนิกจึงออกแบบโดยแยกองค์ประกอบของบ้านออกเป็น 3 ส่วน เพื่อให้บ้านดูคลี่กระจายออก และดูไม่ใหญ่โตจนเกินตัวไปนัก
บ้านถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนตามการใช้งานได้แก่ ส่วนห้องนั่งเล่น ส่วนห้องนอนซึ่งอยู่บริเวณชั้นสอง และพื้นที่บริเวณชั้นหนึ่งซึ่งมีฟังก์ชันเป็นห้องนอนคุณพ่อคุณแม่และส่วนห้องฟิตเนส ซึ่งองค์ประกอบทั้งสามส่วนถูกออกแบบให้อยู่ต่างระดับแต่สอดรับกัน พร้อมแทรกด้วยพื้นที่สีเขียวบริเวณกลางบ้านเป็นจุดพักสายตาและสร้างบรรยากาศธรรมชาติให้แก่ผู้อยู่อาศัย
ด้วยความที่อยู่อาศัยกันเพียงสองคน และอาจจะมีคุณพ่อคุณแม่แวะเวียนมาอยู่อาศัยบ้างเป็นครั้งคราว บ้านหลังนี้จึงมีความต้องการฟังก์ชันพื้นฐานทั่วไปอย่าง โซนห้องนอน ที่จอดรถ โซนห้องนั่งเล่นพร้อมครัว โซนฟิตเนสและสระว่ายน้ำ ซึ่งทางเจ้าของต้องการให้มีพื้นที่รองรับการปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงและห้องนอนหลักที่ซ่อนห้องนอนย่อยอยู่ภายใน สำหรับวันที่ทั้งคู่มีตารางบินไม่ตรงกัน เพื่อป้องกันการรบกวนเวลาพักผ่อนของอีกฝ่าย
หากลองสังเกต เราจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนฟิตเนสและสระว่ายน้ำถูกแยกจากโซนบ้านหลักในลักษณะกลุ่มก้อนอาคารที่ยื่นยาวออกมา เพื่อให้สมาชิกครอบครัวจากบ้านหลังอื่นสามารถแวะเวียนมาใช้งานได้บางคราวในเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้าน และเพื่อเติมเต็มให้ภาพรวมของอาคารออกมาดูสมส่วน สถาปนิกจึงออกแบบกำแพงอิฐก่อสีเทาเพื่อเชื่อมอาคารทั้งสามส่วนให้ดูสมบูรณ์เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้อิฐก้อนใหญ่ที่ไม่มีผิวสัมผัสก่อสลับกับอิฐก้อนเล็กที่มีลวดลาย ทำให้เกิดเป็นมิติของแสงและเงาที่สวยงามเมื่อแสงธรรมชาติส่องถึง
บริเวณชั้นสองถูกแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นรองรับการสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน และส่วนของห้องนอนหลัก ซึ่งเชื่อมเข้าหากันด้วยบันไดภายนอกและคอร์ดพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง ทำให้ผู้อยู่อาศัยมองเห็นต้นไม้ได้จากทุกพื้นที่โดยรอบบ้าน รวมถึงทางสัญจรภายนอกที่เปิดโอกาสให้เจ้าของบ้านได้ออกมาเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ ไม่เพียงเท่านั้น ในแต่ละพื้นที่ของบ้านยังสามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้ทั้งหมด สร้างปฏิสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นภายในครอบครัว
ความดิบ เท่ ผสานความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ภายใน
หากเรามองจากภายนอกจะเห็นได้ว่า บ้าน V60 หลังนี้ โดดเด่นด้วยคาแรคเตอร์ที่ดูดิบ เท่ และแข็งแกร่ง โดยเน้นใช้วัสดุหิน เหล็ก และอิฐโทนสีเทา ดำเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลัก แต่ภายใต้กรอบของความเท่เหล่านั้นภายในกลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นจากไม้ ซึ่งทำหน้าที่ลดทอนความแข็งกระด้างของสถาปัตยกรรมลง นอกจากนั้น สถาปนิกยังคงแฝงกิมมิคของความเท่เอาไว้ด้วยการแทรกผนังสนิมเข้ามาบางส่วน อย่างเช่น ผนังบริเวณห้องนั่งเล่น หัวเตียง หรือเคาน์เตอร์ครัว
อีกหนึ่งองค์ประกอบหลักของบ้านหลังนี้ คือ ‘กระจก’ ซึ่งถูกออกแบบให้เปิดออกได้ทั้งหมดเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเปิดรับลมและอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติได้ในเวลาที่ต้องการ โดยพื้นที่ห้องฟิตเนสและห้องนอนหลักสถาปนิกตั้งใจออกแบบโดยใช้ประตูบานเฟี้ยมเพื่อให้สามารถเปิดโล่ง และเชื่อมโยงกับบรรยากาศภายนอกได้มากที่สุดโดยไม่ต้องเสียพื้นที่ไปกับบานเลื่อน
ซึ่งปัญหาของบานเฟี้ยมที่เรามักเลี่ยงไม่ได้ คือ เมื่อเกิดการใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง การเลื่อนจะเริ่มติดขัด ไม่สมูท ทำให้เกิดความหงุดหงิดกันทุกครั้งไป เผื่อขจัดปัญหาดังกล่าว ทางเจ้าของบ้านและสถาปนิกจึงเห็นพ้องต้องกันในการเลือกใช้สินค้าบานเฟี้ยมของ TOSTEM รุ่น WE70 สี Natural Black เพื่อตอบโจทย์ปัญหาความไม่สมูทของการเลื่อนโดยเฉพาะ ประกอบกับคุณสมบัติที่เเข็งแรงทนทาน สร้างความเป็นส่วนตัวและกันเสียงรบกวนได้ดี อีกทั้งยังมีเฉดสีที่เข้ากับความดิบ เท่ ตามมู้ดแอนด์โทนของบ้านได้อย่างกลมกลืน
สิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่าง คือ การออกแบบบานเฟี้ยมที่ทาง TOSTEM สามารถทำแบบเข้ามุมได้ ทำให้เมื่อเปิดบานประตูออกทั้งหมด ผู้อยู่อาศัยจะสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของบ้านที่เปิดโล่งรับกับความเป็นธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ตรงตามความต้องการของเจ้าของรวมถึงโจทย์ที่สถาปนิกตั้งใจไว้อย่างแท้จริง
เมื่อบ้านคือสถานที่ส่วนตัว ที่ต่างคนก็มีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป จึงไม่น่าแปลกใจที่บ้านจะสะท้อนความเป็นตัวตนของเจ้าของ ผ่านทั้งรูปลักษณ์ สไตล์ วัสดุ พื้นที่ภายใน รวมถึงความต้องการฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ชีวิตความเป็นอยู่ ช่วยเพิ่มพลังให้ผู้อยู่อาศัยพร้อมใช้ชีวิตในวันต่อไปได้อย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกับบ้าน V60 ที่เราเห็นหลังนี้
มาทำบ้านให้น่าอยู่กันเถอะ! 10 Tips ดีๆ เพื่อการปรับเปลี่ยนห้องให้อยู่สบาย พร้อมสุขลักษณะที่ดี
Graceland Family Residences – Chiangmai ‘บ้านรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตไปพร้อมกับลงทุนได้อย่างคุ้มค่า’
Plover Cove Luxury Villas กล้าที่จะแตกต่างทั้งฟังก์ชันและดีไซน์เพื่อคุณภาพชีวิตระดับลักซ์ชัวรี่
Double Skin House บ้านรักสงบที่ปิดมุมมองจากภายนอก เพื่อเปิดพื้นที่แห่งการอยู่อาศัยที่ถูกซ่อนไว้ภายใน
FENCE & GATE UNIQUE FEATURES ฟีเจอร์เฉพาะของรั้วทอสเท็ม เพื่อความงามและการใช้งานที่ลงตัว
GRAND PHETCHARAT โครงการระดับลักซ์ซัวรี่ไม่ได้ดีมีดีแค่ความหรูหรา แต่คือความใส่ใจในทุกรายละเอียด